Enhancing English Speaking and Writing Skill by Using Role-play of Matthayomsuksa 2 Students Municipality 6School Chiang Rai

Abstract

The purposes of this research were to develop a learning activity plan using role-plays to improve speaking and writing skills, to study speaking and writing skills by using role play activities and to study the satisfaction toward learning activities by using role play by Matthayomsuksa 2 Students. The population was Matthayomsuksa 2 student of Municipality 6 School. The amounts of the student were 409 students. The samples were the students in Matthayomsuksa 2.12 of Municipality 6 School Chiang Rai. The amounts of the samples were 30 students by using Cluster Random Sampling. The instruments for this research were lesson plans to organize learning activities by using role plays activities, English Speaking and Writing Assessment form, and the Satisfaction Assessment Form for Mathayomsuksa 2 Students of Municipality 6 School Chiang Rai. Percentage, Mean, Standard Deviation and T-test were used for data analysis. The results of this research were 1. The efficiency of learning and development of English speaking and writing skills by using the role play activities of Mathayom Suksa 2 students was 84.27 / 93.34 which was higher than the criterion of 80/80. 2. Learning Achievement of Matthayomsuksa 2 Students in Speaking and Writing Skills Using Student Role-play was higher than before study at the statistical significance of .01 level. 3. Satisfaction of Matthayomsuksa 2 students in the development of speaking and writing skills using the student role play activities was statistically significantly higher than before learning at the .01 level. The overall satisfaction level was at the highest level. The mean was 4.93. When considering each item, it was found that using role-ploy in others subject was at the first highest level (The mean was 4.93), role-play was suitable to develop speaking and writing skills was at the second highest level (The mean was 4.90), and teacher can be lead the students to joined role-play activities was at the third highest level (The mean was 4.03).

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อพัฒนาทักษะการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อศึกษาทักษะด้านการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษ ที่เรียนโดยการใช้กิจกรรมบทบาทสมมติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย มีจำนวนประชากรทั้งหมด 12 ห้องเรียนจำนวน 409 คน โดยสุ่มได้กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 2.12 จำนวน 30 คนจากการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้กิจกรรมบทบาทสมมติเพื่อพัฒนาทักษะการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลมี 3 ชนิดคือ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติ แบบประเมินความสามารถด้านการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษ และแบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการพัฒนาการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติ โดยใช้แบบมาตราส่วนประเมินค่า 5 ระดับ (Rating Scale) จำนวน 10 ข้อ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า T-test ผลการวิจัยพบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.27/93.34 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 การพัฒนาทักษะการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติของนักเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ความพึงพอใจของนักเรียนในการพัฒนาทักษะการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษโดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ระดับความพึงพอใจต่อการเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.93 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยากให้กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ จัดรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติในการเรียนการสอน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.93) รองลงมา คือ กิจกรรมบทบาทสมมติเหมาะสำหรับการพัฒนาทั้งทักษะการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.90) และรายการที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ครูมีบทบาทเป็นเพียงผู้ชี้แนะและชี้นำ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.03)