A STUDY ON LEARNING ORGANIZATION IN SCHOOLS UNDER THE CHIANG RAI PRIMARY EDUCATION SERVICE AREA OFFICE 3

Abstract

The objective of this research 1) to study the state of Learning Organization in schools under the chiang rai primary educational service area office 3. 2) Comparison of different learning organizations of schools under the chiang rai primary educational service area office 3 classified by position and experience in the work. 3) Study suggestion Guidelines for being a learning organization of schools under the chiang rai primary educational service area office 3. The sample group used in the research was executive and teachers in schools in the Chiang Rai primary educational service area office 3 were 331 peoples. The instruments used for research was rating scale questionnaire. The reliability of the questionnaire was 0.95. The statistics used were frequency, percentage, Arithmetic means and Standard deviation. Data were analyzed using t – test and ANOVA (One-way Analysis of Variances). Learning Organization in schools under the chiang rai primary educational service area office 3. By overall were in a high level. The comparison of knowledge management in schools under the chiang rai primary educational service area office 3, classified by position. By overall and specific part. Found that not different at the statistical significance level of 0.05. Classified by experience, by overall and specific part. Found that not different at the statistical significance level of 0.05.

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 2) เพื่อเปรียบเทียบการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 จำแนกตามตำแหน่งหน้าที่และประสบการณ์ในการทำงาน และ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะแนวทางการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ ผู้บริหารและครูผู้สอน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 จำนวนทั้งสิ้น 331 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบมาตราประมาณค่า (Rating Scale) ได้ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับ เท่ากับ 0.95 สถิติที่ใช้ คือความถี่ (Frequency) หาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Arithmetic means) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การทดสอบค่าที (t - test) และANOVA (One-way Analysis of Variances) ผลการวิจัย พบว่า การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 โดยรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อเปรียบเทียบการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 จำแนกตำแหน่ง พบว่า โดยรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 เมื่อจำแนกตามประสบการณ์ในการทำงาน โดยรวมและรายด้าน พบว่า ไม่แตกต่างกัน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05