THE STUDY OF ADMINISTRATIVE NEEDS AND GUIDELINES IN SUPPLYADMINISTRATION OF SECONDARY EDUCATIONAL SERVICEAREA OFFICE CHIANG RAI

Abstract

This study aims to 1) study the necessity of material management of educational institutions and 2) study the approach to material management of educational institutions under the Office of the Secondary Education Area, Chiang Rai. The research was divided into 2 steps: Step 1: Study the necessity of material management of educational institutions using quantitative data collection. The sample consisted of 317 administrators and teachers. The sample size was determined using the ready-made table of Krejci and Morgan and stratified random sampling. The instrument used was a 5-level rating scale questionnaire with a dual response format. The respondents were asked to provide information on both the current and desired conditions and the PNImodified index. Step 2: Study the approach to material management of educational institutions using qualitative data collection. The informants were 5 experts who were selected by purposive sampling. The instrument used was an interview. The data was analyzed using content analysis. The results of the research found that: 1) The need for material management of educational institutions under the Office of the Secondary Education Area, Chiang Rai, the aspect with the highest need index is material management, followed by procurement. 2) Guidelines for the management of supplies of educational institutions under the Secondary Education Area Office Chiang Rai in each aspect as follows: 2.1) In terms of material management, the educational institution should have a meeting to appoint a committee to cover each area. The work has an annual project plan in advance and has specified details according to the regulations, rules, and criteria of the procurement work that are correct and clear. 2.2) In terms of procurement, educational institutions should hold meetings to appoint committees to cover each task, plan operations to meet objectives, and prepare written documents with relevant parties signing them according to the procurement regulations.

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็นในการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษา และ 2) ศึกษาแนวทางในการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงราย การวิจัยแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาความต้องการจำเป็นในการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษา ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารและครูผู้สอน จำนวน 317 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกนและใช้การสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ซึ่งข้อคำถามมีรูปแบบการตอบสนองคู่ โดยให้ผู้ตอบแบบสอบถามให้ข้อมูลทั้งสภาพปัจจุบันและสภาพ ที่พึงประสงค์ และค่าดัชนี PNImodified ขั้นตอนที่ 2 การศึกษาแนวทางในการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษา ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ได้มาด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1) ความต้องการจำเป็นในการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงราย ด้านที่มีดัชนีความต้องการจำเป็นสูงสุด คือ ด้าน การบริหารพัสดุ รองลงมา คือ ด้านการจัดซื้อจัดจ้าง 2) แนวทางในการบริหารงานพัสดุของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงราย ในแต่ละด้านมีรายละเอียดดังนี้ 2.1) ด้านการบริหารพัสดุ สถานศึกษาควรมีการประชุมแต่งตั้งคณะกรรมการให้ครอบคลุมในแต่ละงาน มีการจัดทำแผนโครงการประจำปีไว้ล่วงหน้าและมีการกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ตามระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ของงานพัสดุที่ถูกต้อง ชัดเจน 2.2) ด้านการจัดซื้อจัดจ้าง สถานศึกษาควรมี การประชุมแต่งตั้งคณะกรรมการให้ครอบคลุมในแต่ละงาน มีการวางแผนการดำเนินงานให้ตรงตามวัตถุประสงค์ และจัดทำเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องลงนามตามระเบียบของงานพัสดุ