DEVELOPMENT OF PROBLEM-BASED LEARNING ACTIVITIES ABOUT FORCEAND MOVEMENT TO ENHANCE INTEGRATED SCIENCE PROCESS SKILLSAMONG MATHAYOMSUKSA 2 STUDENTS

Abstract

This research aims to 1) develop problem-based learning (PBL) activities on force and motion to promote integrated science process skills and 2) compare integrated science process skills before and after organizing problem-based learning (PBL) activities on force and motion. The sample group used in the research was 42 Mathayomsuksa 2 students of Nuchanat Anusorn School, first semester, academic year 2024. The research instruments were: 1) Problem-based learning (PBL) plans on force and motion to develop integrated science process skills; and 2) Integrated science process skills tests on force and motion. Data were analyzed using mean, standard deviation, and dependent sample t-test. The results of the research found that: 1) The problem-based learning (PBL) plans on the topic of force and motion, aimed at developing integrated scientific process skills, are all highly appropriate overall (M = 4.62, SD = 0.62). and 2) Students have integrated scientific process skills after learning through problem-based learning (PBL) activities (M = 17.90, SD = 2.22), higher than before the lesson with statistical significance at the .05 level (M = 9.71, SD = 1.68), t = 31.76, p =.000

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน (Problem - based learning: PBL) เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ และ 2) เปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ระหว่างก่อนและหลัง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน (Problem-based learning: PBL) เรื่องแรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนนุชนาถอนุสรณ์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 42 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ และ 2) แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ เรื่อง แรงและ การเคลื่อนที่ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (Dependent samples t–test) ผลการวิจัย พบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน (PBL) เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ ทั้ง 4 แผน มีความเหมาะสมในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (M = 4.62, SD = 0.62) และ 2) นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ หลังเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบปัญหาเป็นฐาน (PBL) (M = 17.90, SD = 2.22) สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (M = 9.71, SD = 1.68), t = 31.76, p = .000