THE DEVELOPMENT OF ACTIVITY-BASED LEARNING MANAGEMENT TO ENHANCE LISTENING AND SPEAKING SKILLS IN THE CHINESE LANGUAGE AND LEARNING ATTITUDES OF LOWER ELEMENTARY SCHOOL STUDENTS

Abstract

This research aims to 1) create and evaluate the quality of an activity-based learning approach designed to develop listening and speaking skills in the Chinese language for lower elementary students. 2) Compare students' listening and speaking skills in Chinese before and after participating in the activity-based learning approach. 3) Study the attitudes of students towards the activity-based learning approach. The sample group of this research was 21 lower elementary students (Grades 1-3) from Ratchut School, Ban Phai District, Khon Kaen Province, during the second semester of the 2024 academic year. They were selected using purposive sampling. The research instruments included 1) lesson plans based on activity-based learning, focusing on the Chinese language club activities related to Chinese culture, comprising 5 units, 5 lesson plans, and 20 hours of instruction. 2) a test to measure listening and speaking skills in Chinese for lower elementary students. and 3) a questionnaire to assess the attitudes of lower elementary students towards activity-based learning. The statistical methods used for data analysis included the mean, standard deviation, and nonparametric statistics using the Wilcoxon signed-rank test. The research results found that: 1) the quality of activity-based learning management for developing listening and speaking skills in Chinese, was at the highest level of appropriateness (X̅ = 4.80, SD = 0.31) 2) students' listening and speaking skills in Chinese significantly improved after learning through activity-based learning management at a significance level at the .05 and 3) the attitude of students toward activity-based learning management was at a high level ((X̅= 4.44, SD. = 0.53).

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาคุณภาพการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานเพื่อพัฒนาทักษะการฟังและทักษะการพูดภาษาจีนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น 2) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการฟังและทักษะการพูดภาษาจีนของนักเรียนก่อนและหลังการเรียนรู้ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน และ 3) เพื่อศึกษาเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนวิชาชุมนุมภาษาจีนชั้นประถมศึกษาตอนต้น (ป. 1 – 3) ของโรงเรียนรัตน์ฉัตร อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น จำนวนทั้งหมด 21 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โดยได้มาจากการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Selection) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานในกิจกรรมชุมนุมภาษาจีน เรื่อง วัฒนธรรมจีน จำนวน 1 หน่วย การจัดการเรียนรู้ 5 แผน การจัดการเรียนรู้ 20 ชั่วโมง 2) แบบวัดทักษะการฟังและทักษะการพูดภาษาจีนของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น และ 3) แบบวัดเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิตินอนพาราเมตริก (Nonparametric Statistics) ใช้วิธีทดสอบแบบ The Wilcoxon signed – rank test ผลการวิจัยพบว่า 1) คุณภาพการการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานเพื่อพัฒนาทักษะการฟังและทักษะการพูดภาษาจีนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้น อยู่ในระดับความเหมาะสม เหมาะสมมากที่สุด (X̅= 4.80, SD. = 0.31) 2) ทักษะการฟังและทักษะการพูดภาษาจีนของนักเรียนหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานสูงกว่าก่อนเรียนด้วยการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) เจตคติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนต้นที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นฐานอยู่ในระดับ มาก (X̅= 4.44, SD. = 0.53)