The Role of Crisis Management for Administrators in School at Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 1.

Abstract

The objective of the research was to study the role of crisis management for administrators in school at Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 1 and to compare the role of crisis management for administrators in school at Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 1 which classified by their ages, levels of education, and durations of work. The sample consisted of the 317 teachers in Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 1, academic year 2022. By Proportional Stratified Random Sampling. The instrument used in this study was a 5-level rating scale questionnaire. The statistics used for data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation. The statistics used to test the hypothesis were One-Way Analysis of Variance (One-Way ANOVA) and Fisher’s LSD. The results of research were as follows: 1) The role of crisis management for administrators in school at Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 1 in an overall picture was at a highest level. When considering each aspect, the highest average is the Support for professional development, follows by the Inspirational Motivation, Human Relations, Decision Making, Change Management and Collaboration in order. The lowest average is the Communication. 2) The results of the comparative analysis the role of crisis management for administrators in school at Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 1 which classified by their ages, levels of education, and durations of work, are found that teachers with age levels of education, and durations of work, There are opinions on the role of crisis management for administrators in school at Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 1. Overall, there is no difference.

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในภาวะวิกฤต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 และเพื่อเปรียบเทียบบทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในภาวะวิกฤต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 โดยจำแนกตามอายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครู ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ปีการศึกษา 2565 ใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น ตามสัดส่วนขนาดประชากรของโรงเรียน ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 317 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way ANOVA) และการทดสอบความแตกต่างรายคู่โดยวิธี Fisher’s LSD ผลการวิจัยพบว่า 1) บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในภาวะวิกฤต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการสนับสนุนพัฒนาวิชาชีพ รองลงมา คือ ด้านการสร้างแรงจูงใจ ด้านมนุษยสัมพันธ์ ด้านการตัดสินใจ ด้านริเริ่มการเปลี่ยนแปลง และด้านการประสานความร่วมมือและการสร้างเครือข่าย ตามลำดับ ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ ด้านการสื่อสาร 2) ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบบทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในภาวะวิกฤต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 โดยจำแนกตามอายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์การทำงาน พบว่า ครูที่มีอายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ทำงานแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อบทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในภาวะวิกฤต สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย 1 โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน