Predictive Factors of Coronavirus Disease 2019 Preventive Behaviors among the Elderly in Maechan Subdistrict, Maechan District, Chiang Rai Province

Abstract

The objectives of this research were 1) to study personal factors, health literacy, and preventive behaviors against COVID-19 among the elderly in Mae Chan Subdistrict, Maechan District, Chiang Rai Province 2) to study the predictive factors of coronavirus disease 2019 (COVID-19) preventive behaviors among the elderly in Maechan Subdistrict, Mae Chan District, Chiang Rai Province. The sample size was determined using Daniel's formula and stratified random sampling, resulting in 252 participants. The tools used for data collection consisted of a questionnaire on personal information, health literacy, and preventive behaviors against COVID-19 among the elderly. The questionnaire included multiple- choice questions, true/false questions, and a 5-point Likert scale. The instrument's content validity, assessed using the Index of Consistency (IOC), showed IOC values for all questions ranging from 0.67 to 1. The reliability of the questionnaire was assessed using KR-20 for the health literacy questionnaire related to knowledge and understanding of COVID-19, which yielded a value of 0.74. The Cronbach's alpha coefficients for the health literacy questionnaire in the areas of access to health information and services, communication skills, self-management skills, media literacy, decision-making skills, and the COVID-19 preventive behaviors questionnaire for the elderly were 0.87, 0.82, 0.87, 0.85, 0.83, and 0.88, respectively. Data analysis involved descriptive statistics, Pearson correlation analysis, and stepwise multiple regression analysis. The findings revealed that most participants were female, aged 60-69 years, had completed primary education, were self-employed or engaged in trading, had hypertension as the most common underlying disease, had received three doses of the COVID-19 vaccine, and had never contracted COVID-19 (61.11%, 61.90%, 56.75%, 18.30%, 54.37%, 53.97%, and 74.60%, respectively). Health literacy regarding COVID-19, both overall and in individual aspects, was at a moderate level, while preventive behaviors against COVID-19 were at a high level. Stepwise multiple regression analysis identified five significant predictors of preventive behaviors against COVID-19: overall health literacy, health literacy regarding knowledge and understanding of COVID-19, underlying diseases, media literacy, and communication skills. These five variables collectivelypredicted 57% of the variance in preventive behaviors against COVID-19 among the elderly, with statistical significance at the 0.05 level (Adj. R² = .573, F = 68.484, p < 0.05). The results of this study can be applied as information for developing community health plans, providing health education, and promoting health literacy among the elderly to take care of their health and stay safe from COVID-19 or emerging diseases that may occur in the future.

การวิจัยเชิงพรรณนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ความรอบรู้ด้านสุขภาพ และ พฤติกรรมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของผู้สูงอายุในตำบลแม่จัน อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย 2. เพื่อศึกษา ปัจจัยทำนายพฤติกรรมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของผู้สูงอายุในตำบลแม่จัน อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรคำนวณของแดเนียล มีการสุ่มตัวอย่างสุ่มแบบแบ่งชั้น ได้จำนวน 252 คน เครื่องมือ ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล ความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมป้องกัน โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของผู้สูงอายุ มีลักษณะเป็นแบบเลือกตอบ แบบถูกผิด และมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ เครื่องมือมีค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ได้ IOC ทุกข้อคำถามอยู่ในช่วง 0.67-1 และหาความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม ได้ค่า KR20 ในแบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพ ด้านความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เท่ากับ 0.74 ค่าสัมประสิทธอัลฟ่าของครอนบาค ในแบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพ ด้านการเข้าถึงข้อมูลและบริการสุขภาพ ด้านทักษะการสื่อสาร ด้านทักษะการจัดการตนเอง ด้านการรู้เท่าทันสื่อ ด้านทักษะการตัดสินใจ และแบบสอบถามพฤติกรรม ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของผู้สูงอายุ เท่ากับ 0.87 0.82 0.87 0.85 0.83 และ 0.88 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูล ด้วยสถิติเชิงพรรณนา การวิเคราะห์สหสัมพันธ์แบบเพียรสัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อยู่ในช่วงอายุ 60-69 ปี จบการศึกษาชั้นประถมศึกษา มีอาชีพค้าขาย/ ธุรกิจส่วนตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 3 เข็ม และไม่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ร้อยละ 61.11, 61.90, 56.75, 18.30, 54.37, 53.97, 74.60 ตามลำดับ) ความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายด้านและโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง พฤติกรรมป้องกัน โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของผู้สูงอายุอยู่ในระดับมาก ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน พบว่า ปัจจัยที่สามารถทำนายพฤติกรรมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ มีจำนวน 5 ปัจจัย ได้แก่ ความรอบรู้ ด้านสุขภาพโดยรวม ความรอบรู้ด้านสุขภาพด้านความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โรคประจำตัว ความรอบรู้ด้านสุขภาพด้านการรู้เท่าทันสื่อ และความรอบรู้ด้านสุขภาพด้านทักษะการสื่อสาร โดยทั้ง 5 ตัวแปรสามารถร่วมกันทำนายพฤติกรรมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของผู้สูงอายุได้ ร้อยละ 57 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ 0.05 (Adj. R2 = .573, F = 68.484, p < 0.05) ผลการศึกษาในครั้งนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำแผนสุขภาพชุมชน การให้สุขศึกษา และการส่งเสริมความรอบรู้ ด้านสุขภาพของกลุ่มผู้สูงอายุในการดูแลสุขภาพของตนเองให้ปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคอุบัติใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้