THE DEVELOPMENT OF AN INSTRUCTIONAL MODEL USING DESIGN THINKING AND GROWTH MINDSET TO ENHANCE INNOVATIVE THINKING SKILLS AND INNOVATIVE MINDS FOR LOWER SECONDARY STUDENTS

Abstract

The objectives of this study were to: 1) develop and find the efficiency of an instructional model using design thinking and growth mindset to enhance innovative thinking skills and innovative minds for lower secondary students; 2) study the results of using the instructional model; and 3) investigate students’ opinions towards learning management after instructional model implementation. The 33 samples, selected by simple random sampling, were Mattayom Suksa 2/10 students studying in the second semester of the academic year 2023 at Thoeng Wittayakom School, Thoeng district, Chiang Rai province. The research instruments were an instructional model applying design thinking and growth mindset, an innovative thinking skill evaluation form, an innovative minds evaluation form, and a student opinion towards the instructional model survey form. The data were analyzed by calculating the mean, standard deviation, percentage, and t-test. The results were as follows:

1. The components of the instructional model were 1) principles; 2) objectives; 3) teaching activities LABSCI is divided into 6 stages: learning, ascertaining, brainstorming, setting up, casting back, and identifying; 4) evaluation; and 5) supporting factors.

2.The post-test mean scores of students’ innovative thinking skills and innovative minds were higher than the pre-test at .05 statistical significance level.

3. Students’ opinion towards the instructional model are overall at a high level.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาคุณภาพรูปแบบการสอนโดยใช้แนวคิดเชิงออกแบบร่วมกับกรอบความคิดแบบเติบโตเพื่อเสริมสร้างทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมและจิตนวัตกรรมสำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 2) ศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการสอน และ 3) ประเมินความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อ การเรียนตามรูปแบบการสอน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนเทิงวิทยาคม อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 33 คน โดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ รูปแบบการสอนโดยใช้แนวคิดเชิงออกแบบร่วมกับกรอบความคิดแบบเติบโต แบบประเมินทักษะ การคิดเชิงนวัตกรรม แบบประเมินจิตนวัตกรรม และแบบประเมินความคิดเห็น วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยปรากฏดังนี้

1. รูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นมี 5 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการของรูปแบบการสอน 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบการสอน 3) กิจกรรมการเรียนการสอน (LABSCI) มี 6 ขั้น ได้แก่ ขั้นเรียนรู้ปัญหา (Learning) ขั้นกำหนดปัญหา (Ascertraining) ขั้นระดมความคิด (Brainstorming) ขั้นสร้างสรรค์ชิ้นงาน (Setting Up) ขั้นสะท้อนผลงาน (Casting Back) และขั้นทดสอบและประเมินผล (Identifying) 4) การวัดและประเมินผล และ 5) ปัจจัยสนับสนุนการจัดการเรียนรู้

2. ทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมและจิตนวัตกรรมของนักเรียน มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการสอน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก