STUDY OF THE CONDITIONS OF ACTIVE LEARNING MANAGEMENT OF THE SCHOOLEXPANDING EDUCATIONAL OPPORTUNITIES UNDER THE JURISDICTION OF THECHIANG RAI PRIMARY EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE 3

Abstract

This research The objectives are 1) to study the conditions of active learning management in schools to expand educational opportunities. Under the jurisdiction of the Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 3 2) To compare the conditions of active learning management in schools to expand educational opportunities. Under the jurisdiction of the Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 3, classified according to educational management area and school size. The sample group used in the research consisted of 595 teachers from the School for Expanded Educational Opportunities under the Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 3. The instrument used in the research was a questionnaire. The nature of the questions was a 5-level estimation model with a confidence value of equal to. 0.890 Statistics used in data analysis include: Frequency distribution, percentage, mean, standard deviation Statistics used include the t-test, F-test or One Way ANOVA. When differences are found, pairwise comparisons are made using the LS.D. (Least Significant Difference) method. The results show that. 1) The school's proactive learning management conditions expand educational opportunities. Under the jurisdiction of the Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 3 is at a high level. When considering each area, it was found that the area with the highest average was learning that emphasized action, followed by participatory learning. and having problem-solving skills and application, respectively. The section with the lowest average was in self-learning management. 2) Comparison of the conditions of active learning management in schools to expand educational opportunities Under the jurisdiction of the Chiang Rai Primary Educational Service Area Office 3, classified by gender, when considered overall, it was found that there was no statistical significant difference at the .05 level, and when considered by aspect, it was found that in the area of self-learning management The learning side emphasizes action. and having problem-solving skills and application They are significantly different at the .05 level.

การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 2) เพื่อเปรียบเทียบสภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 จำแนกตามพื้นที่การจัดการศึกษาและขนาดของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครูโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 จำนวน 595 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม ลักษณะคำถามเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.890 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ได้แก่ การทดสอบ t-test การทดสอบ F-test หรือ One Way ANOVA เมื่อพบความแตกต่างกันทำการเปรียบเทียบเป็นรายคู่ด้วยวิธี LS.D. (Least Significant Difference) ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการเรียนรู้เน้นการลงมือปฏิบัติ รองลงมาคือ ด้านการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม และด้านการมีทักษะการคิดการแก้ปัญหา และการนำไปประยุกต์ใช้ ตามลำดับ ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือด้านการจัดการเรียนรู้ด้วยตนเอง 2) การเปรียบเทียบสภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 จำแนกตามเพศ เมื่อพิจารณาโดยรวม พบว่า ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการจัดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้านการเรียนรู้เน้นการลงมือปฏิบัติ และด้านการมีทักษะการคิดการแก้ปัญหา และการนำไปประยุกต์ใช้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05